แปลไทยและเรียบเรียง : 스웩짱기 @SWAGJJANGKI
Source : 씨네플레이
เป็นภาพยนตร์ที่จุดหลักอยู่กับการหักมุม หลังจากได้ดูเวอร์ชั่นตัดต่อสุดท้ายแล้วคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง?
ได้ดูครั้งแรกตอนช่วง 1-2 เดือนก่อนที่มีการอัดเสียง ก็สนุกนะครับ ถึงจะเป็นแค่เวอร์ชั่นที่นำเอาแต่ละฉากมาตัดต่อกันก่อนที่จะนำไปใส่ดนตรีก็ยังสนุกเลยครับ เหตุผลหนึ่งเลยก็คือสไตล์การกำกับของผู้กำกับ จุดที่ดีที่สุดของผู้กำกับอีกเยบยอก คือเป็นการแอดริปเพิ่มหรือเพิ่มบทนอกสคริปในขณะซ้อมหน้าเซ็ตครับ มีบางสิ่งที่น่าใช้ในขณะที่กำลังแสดงตอนนั้นครับ และตอนที่ดูเวอร์ชั่นตัดต่อที่มีแต่ความทรงจำอันแสนสนุกในครั้งแรก ก็คิดว่า ‘ฉัน ทำให้มันตลกได้สินะ’ ส่วนผลสุดท้ายนั้นจะเป็นสิ่งที่ผู้ชมเป็นคนตัดสิน แต่ผมก็ได้แสดงอย่างสนุกเลยล่ะครับ
ได้ยินว่าได้พูดคุยกับผู้กำกับ อีกเยบยอกบ่อยๆ และถูกละลายพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้เข้ากับตัวละคร ช่วยยกตัวอย่างให้ได้ไหมว่าเป็นอย่างไร?
ผู้กำกับสั่งว่าคงจะดีที่ได้เห็นกียงตัวจริงๆ ครับ ตั้งแต่สำเนียงพูด ลักษณะการยิ้ม สีหน้าแววตาที่ใช้ ท่าทางการเดิน ท่าทางตอนที่ทะเลาะกับดาอึน มากกว่าแสดงให้เห็นออกมาแค่บางฉากเป็นพิเศษเท่านั้น แต่ทั้งหมดแล้วเป็นบุคลิกของผมที่ซ่อนอยู่ครับ โดยเฉพาะตอนที่อยู่กับดาอึนจะยิ่งเห็นภาพลักษณ์ของผมเลยครับ
ได้ยินว่าตอนตั้งชื่อหนัง ผู้กำกับอีกเยบยอกได้ไอเดียมาจากลูกอมกลิ่นผลไม้ “새콤달콤” นี่เป็นคำถามที่ไม่คาดคิดแต่ว่าจางกียงนี่ชอบพวกของกินเล่นบ้างไหม? หรือเหมือนกับจางฮยอกในหนังที่ไม่ชอบกินของหวานเหรอ?
ไม่ชอบเลยครับ จะมีแค่ตอนที่อ่อนเพลียหรืออยากของหวานก็จะหามาการอง หรือช็อกโกแลตกินเอาครับ. ชอบนมสตรอว์เบอร์รี่มากกว่านมช็อกโกแลต ไม่ค่อยชอบกินของหวานน่ะครับ
ตัวละครรปภ.ที่นักแสดงอีกยองยองแสดงนี่มีเอกลักษณ์นะ
มันอิมแพคตั้งแต่ที่จางฮยอกและรปภ.ได้เจอกันครั้งแรกเลยล่ะครับ วันแรกที่จางฮยอกถูกส่งตัวไปที่บริษัทใหญ่ รุ่นพี่คยองยองนำให้ผมไปทางบันไดเลื่อนที่เชื่อมกับชั้นใต้ดิน ให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกราวกับว่าถ้าเดินไปแล้วจะได้ไปพบกับอีกโลกใบหนึ่ง ฉากนั้นเป็นฉากหนึ่งยังจำได้อยู่ครับ
โดยส่วนตัวยอมรับว่าตัวละครรปภ.ก็คือความในใจของจางฮยอก
ทุกๆครั้งที่จางฮยอกและโบยองเหลือกันอยู่ 2 คน รปภ.ก็มาปิดไฟซะอย่างงั้น นั้นทำให้จางฮยอกหัวเสียเลย รปภ.มาสะท้อนความขัดแย้งที่อยู่ในใจของจางฮยอก ‘ไม่นะ ไม่ใช่แบบนั้น’ ‘ไม่สิ ทำซะ’ ‘ไม่นะ อย่าทำ’ ทำให้ขัดแย้งไม่จบสิ้นครับ ด้วยการสร้างบรรยากาศแบบนั้นแล้ว จางฮยอกก็จะยิ่งหวั่นไหวมากขึ้นไหมนะ
พออินกับดาอึนเลยทำให้เกลียดจางฮยอก จางฮยอกน่าจะไม่ใช่ตัวละครที่ดูดีอย่างเดียว มีฉากไหนที่คิดว่า ‘นี่ฉันดูแล้วก็ยังรู้สึกเกลียดเลย’
ตอนที่กลับมาจากโรงพยาบาลกับดาอึนครับ จางฮยอกนอนอยู่ข้างๆเพื่อจะปลอบใจดาอึน แต่มีข้อความจากบริษัทส่งมา ‘ฉุกเฉิน มาให้ไวเลย’ ดูแล้วก็ ‘อ่า ไม่รู้ ไม่สนละ!’ว่าออกไปงี้แต่ ดาอึนว่า ‘เรื่องยุ่งด่วนรึเปล่า?’ เพราะงั้น จางฮยอกก็เลยพูดว่า ‘ไม่ละ เธอเป็นงี้ ฉันจะไปได้ไงล่ะ~ ไม่สน~’ ดาอึนก็ว่าอีกว่า ‘ไม่หรอก ฉันไม่เป็นไร ไปเถอะ’ เพราะเธอว่างี้ เขาก็เลย ‘จริงเหรอ?’พูดจบแล้วก็ออกไป ตรงนี้แหละจริงๆเลย ‘ห๊ะ?…. ให้ไปจริง นี่คือไม่จริงซะหน่อย ทำไมไม่รู้เนี่ย?’ คิดแล้วก็เกลียดขึ้นมาครับ
จางกียงก็ยังรู้เนอะว่านั่นไม่ได้หมายถึงแบบนั้นจริงๆซะหน่อย
แน่นอนสิครับ(ทุกคนขำ) ผมต้องรู้อยู่แล้ว จางฮยอกเป็นตัวละครที่บริสุทธิ์ใจและอ่อนหวาน แต่ตอนนั้นคิดว่าเริ่มน่ารักน้อยลงครับ
ที่บอกว่าแสดงและอาศัยรุ่นพี่มาจนกระทั่งถึงตอนเรื่อง Go Back Couple หลังจากนั้นมาผลงานที่ร่วมมาตลอด 3 ปี ได้ร่วมงานกับนสด.หลักรุ่นเดียวกัน รู้สึกค่อนข้างกดดันบ้างไหม?
รู้สึกตลอดครับ โดยเฉพาะ Come and Hug Me เพราะเป็นเรื่องแรกที่แสดงนำ คิดว่า ‘ฉันจะทำได้ดีรึเปล่า’ และก็กลัวมากครับ. แต่ในทุกการสัมภาษณ์ก็จะพูดถึงว่าชอบที่เป็นความท้าทาย จะทำออกมาได้ดี หรือไม่ดี ก็เพราะนี่เป็นการแสดงความสามารถของผมแหละครับ โชคดีที่ผู้ชมให้การตอบรับว่า ‘ก็ทำได้ดีหนิ?’ คิดว่าเป็นผลที่ได้รับกลับมาในฐานะนักแสดงอย่างค่อยเป็นค่อยไปครับ ความกดดันไม่ว่าจะตอนไหนก็ยังเหมือนเดิมแต่ช่วงนี้กังวัลมากขึ้นว่าจะทำให้การแสดงมันชำนาญขึ้นได้อย่างไรครับ
จางฮยอกที่ใช้เวลาส่วนใหญ่บนทางด่วนเวลาที่ไป-กลับ โซลอินชอน ถ้าเจอพนง.บ.อย่างจางฮยอกที่ยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างรถเพื่อสระผมและล้างหน้า ก็คิดว่าเขาใช้ชีวิตบ้าระห่ำจังเลยนะ. จางกียงล่ะคิดยังไง? 'ฉันจริงจังกับการใช้ชีวิตเลยนะ' มีช่วงเวลาที่คิดถึงแบบนี้ไหม?
อืม…ตอนนี้ยังคิดไม่ออกเลยล่ะครับ แต่น่าจะเป็นตอนที่ผมออกกำลังกายที่จะคิดแบบนั้นน่ะครับ คุณพ่อผมเคยเป็นนักกีฬามาก่อน ความทรงจำในตอนเด็กของผมก็คือคุณพ่อพาผมไปปีนเขาบ่อยมากครับ แล้วก็วิ่งจ็อกกิ้งด้วย ถ้ามีฉากที่ต้องโชว์ร่างกาย ก็ต้องออกกำลังกายครับ. ตั้งแต่ตอนเด็กๆ ก็ออกกำลังแบบเบาๆมาตลอด แต่อย่างประเภทเวทเทรนนิ่งยังไม่เคยครับ พอเพื่อละครแล้วต้องตั้งใจออกกำลังกาย จนมาได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเองก็รู้สึกว่านี่คือกำลังใช้ชีวิตอยู่อย่างจริงจังครับ
Sweet and Sour เล่าเรื่องราวความกระวนกระวายและความไม่สบายใจของวัยรุ่น ช่วงที่เป็นนายแบบ ซีซันหนึ่งได้เดินโชว์แค่โชว์เดียว สำหรับจางกียงเองแล้ว ก็มีช่วงที่ไม่ยุ่งเท่ากับตอนนี้ ส่วนนี้น่าจะมีความรู้สึกเดียวกันเนอะ
ตอนนั้นพี่คนอื่นๆเขาได้เดินโชว์ 10โชว์ 12โชว์ 20โชว์ แต่ผมได้เดินแค่ 1 โชว์ ความคิดหนึ่งเดียวในตอนนั้นคือ ถึงจะเดินแค่หนึ่งโชว์ แต่ในซีซันหน้า และต่อๆไป จะต้องได้โชว์อีกให้ได้ แล้วมันก็สำเร็จครับ เพราะมีช่วงเวลาเหล่านั้นเลยทำให้สามารถทำได้ดีครับ มากกว่าที่จะหมดกำลังใจไป ก็พยายามคิดบวกไว้ การเดินเล่นก็เป็นอีกตัวช่วยครับ จะได้ไม่ต้องมาคิดว่า ‘ทำไมฉันถึงไม่มีงานนะ?’ เป็นการจัดการกับความคิด เดินไปฟังเพลงไปคนเดียวดีกว่าครับ มีนัดเจอเพื่อนๆบ้าง เพราะช่วงเวลานั้นทำให้ผมสามารถสะสมประวัติการทำงานมาจนถึงตอนนี้ครับ
ตอนนี้ก็ยังเดินเล่นบ้างไหม? วันหยุดทำอะไรบ้าง?
ทุกวันนี้ยุ่งๆก็เลยไม่ได้ไปเดินเล่นเลยครับ ช่วงไหนที่มีเวลาว่างก็จะเติมน้ำมันแล้วก็ขับรถไปคนเดียวครับ ชอบไปที่ๆไม่คุ้นชิน แล้วก็ในรถไม่มีใครนอกจากผม ก็จะขับไปด้วยร้องเพลงไปด้วยคนเดียวครับ
ความโรแมนติกในความเป็นจริงของ Sweet and Sour กับความโรแมนติกแฟนตาซีของ My Roommate is A Gumiho ออกมาให้ชมในเวลาเดียวกัน สำหรับจางกียง แนวแฟนตาซีก็เป็นความท้าทายใหม่
แรกเริ่มเลยก็ตื่นเต้นกับแนวที่เคยอยากลองแสดงนะครับ แต่พอได้ลองเริ่มดูแล้ว ก็ยากครับ พอใส่ชุดของอูยอ ทำผมแบบอูยอ แล้วยืนอยู่หน้ากล้อง ก็รู้สึกต่างไปอีกแบบครับ ช่วงแรกมีความลับของอูยออยู่ ต้องพึ่งผู้กำกับ ไม่ก็ ฮเยริ นักแสดงที่แสดงคู่ด้วยกันมากครับ จากนั้นก็ค่อยๆแน่วแน่มากขึ้นครับ ช่วงแรกๆ ผมดูแล้วก็ยังมีจุดที่น่าเสียดายอยู่นิดหน่อย แต่เพราะมีช่วงเวลาแบบนั้นก็เลยวิ่งได้และไม่หมดแรงจนถึงตอนจบครับ. และความรับผิดชอบในฐานะนักแสดงนำก็ไม่หายไปครับ
มันยังเป็นแนวที่ต้องเพิ่มโลกจินตนาการเข้าไปในเนื้อเรื่องด้วย
ตั้งใจที่จะซื่อตรงกับบทละครเลยครับ ด้วยเป็นแนวที่ตัวเองไม่เคยชินด้วย ตอนที่ใช้พลังวิเศษ ทำบรรยากาศที่เหมือนกัน ดูจากงานอื่นเช่น Goblin , You Who came from the Star เอาครับ ถึงอย่างงั้นไม่ได้จะทำตามแต่เอาสร้างเป็นอูยอในแบบของจางกียงครับ ยิ่งดูต่อไปช่วงพาร์ตหลังความเซ็กซี่ของอูยอจะออกมาด้วย ผมเองก็รอชมอยู่เหมือนกันครับ หวังว่ามันจะออกมาอย่างดีครับ
ตอนที่พูดถึงผลงานอื่นก็คิดได้ว่า ก่อนหน้านี้ได้สัมภาษณ์อีซูฮยอกมา เป็นทั้งรุ่นพี่ในสังกัดแล้วก็เป็นรุ่นพี่นายแบบด้วย และเป็นนักแสดงแฟนตาซีมืออาชีพใช่ไหม? มีผลงานไหนของอีซูฮยอกที่เอามาอ้างอิงบ้างมั้ย?
ของพี่ซูฮยอก ผมดู Scholar Who walk the Night ครับ จงเขียนให้มันดีๆด้วยละ (ล้อเล่น)(ซุบซิบ)
จางฮยอกฉากแรกที่ออกมากับฉากสุดท้ายในภาพยนตร์เหมือนออกมาเป็นคนละคนกันเลย ตัวละครที่มีความต่างขั้วอย่างใน Kill it, Born Again ที่แสดงมา ได้ยินมาว่าเป็นนักแสดงที่รวมความดีชั่วเข้าด้วยกัน
อย่างแรกเลยถ้าได้ดูแล้วรู้สึกแบบนั้นก็ขอขอบคุณเป็นที่สุดเลยครับ การได้แสดงเป็น 2 ตัวละครในหนึ่งผลงานเป็นสิ่งที่ขอบคุณและสนุกครับผม เหตุผลหนึ่งที่ผมแสดงหลายๆแนว หนึ่งก็คือ เพราะการที่ได้แสดงผ่านจินตนาการครับ มันมีความภูมิใจของตอนที่ได้จินตนาการแล้วแสดงออก ล่าสุดใน ‘Search WWW’ แสดงด้วยพลังที่ลดลงด้วยกันเป็นหลัก ขณะที่ได้ประสบการณ์อย่างนั้นอย่างนี้ก็ปรับตัวกับการแสดงไปด้วยครับ ทั้งหมดทำอย่างสบายๆ ไม่ว่าจะแนวไหน จะโรแมนติค จะคอมเมดี้ จะซากึก ก็อยากทำให้ได้ดีหมดครับ ตอนนี้ยิ่งเป็นโอกาสที่ท้าทายด้วยอีก กับช่วงอายุหลัง 30 ปีไป ผมเองก็กำลังพยายามและคิดสงสัยว่าผมจะเป็นยังไงอีกนะ
ด้วยความคอมเมดี้ก็นึกว่ามีผลงานหนึ่งอยู่ ตอนที่เตรียมสัมภาษณ์ได้ดู The Next Door Boy ที่เป็นเหมือนคู่รัก เล่นกับนักแสดงชเวอูชิก. ดูแล้วตลกมาก ดูจบเลยทีเดียวเพราะว่าเป็นตอนสั้นๆ
ดู The Next Door Boy แล้วสินะครับ ถ้าดูเรื่องนี้แล้วก็ต้องถูกพูดถึงกันอีก (หัวเราะ) เป็นผลงานที่รู้สึกว่าได้แสดงเข้าตัวละครเป็นครั้งแรกเลยครับ รู้สึกถึงได้แต่ไม่รู้วิธี ก็เลยพอตอนนี้มาคิดถึงก็มีจุดที่เสียดายมากครับ The Next Door Boy เรียกว่าเป็นผลงานที่มีความพิเศษในตัวเอง (หัวเราะ) คงจะดีถ้าผมตอบโต้กับการแสดงของพี่อูซิกได้มากกว่านี้ นี่คือสิ่งรู้สึกเสียดาย ถึงจะมีที่เสียดายอยู่แต่ขอบคุณกับการถ่ายทำครับผม
ปีที่แล้ว คงได้รับคำถามเกี่ยวกับอายุที่ใกล้จะ 30 มาเยอะ ตอนนั้นทุกๆครั้ง จางกียงก็ตอบว่าถ้า 30 แล้วก็ตั้งตารอด้วยความที่ยิ่งหยั่งลึกลงไปอีก. นี่ก็ผ่านมาครึ่งปีแล้ว ใชัชีวิตปีที่30 เป็นยังไงบ้าง?
แค่ครึ่งปีเท่านั้นเองครับ (หัวเราะ) ถ้าผ่านไปซัก 1 ปี น่าจะค่อยๆรู้สึกครับ ผิวก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไรแต่ก็เตรียมกินอาหารเสริมพวกวิตามินซีทั้งหลายอยู่ครับ
เดบิวต์มาตั้งแต่ โซลแฟชั่นวีค ปี 2012 ถ้านับรวมตั้งแต่ตอนนายแบบก็จะครบ 10 ปีแล้ว ถ้าย้อนกลับไปดู 10 ปีมานี่ คิดว่าเป็นอย่างไร?
น่าจะกำลังเดินหน้าได้ดีอยู่นะครับ ถึงจะไม่ใช่เส้นทางที่ง่ายนัก แต่ก็คิดว่ากำลังเดินหน้าไปอย่างแข็งแรง และไม่บาดเจ็บใดๆอยู่ครับ
ผลงานถัดไป คือ Now We’re Breaking Up ที่ร่วมแสดงกับซงฮเยคโย
เมื่อวานก็ถ่ายทำกันถึงเที่ยงคืนเลยครับ พรุ่งนี้ก็ต้องออกไปถ่ายทำตอนเที่ยงคืนด้วย เรื่องนี้อยู่ระหว่างถ่ายทำและจะพยายามแสดงเข้าคู่ให้ดีในฐานะนักแสดงนำคู่กับรุ่นพี่ซงฮเยคโยครับ จะโชว์ให้ดูอีกฮะ
สุดท้ายแล้ว มีอะไรอยากพูดไหม?
Sweet And Sour จะได้ฉายแล้วนะครับ ในผลงานที่ร่วมแสดงมาจนถึงตอนนี้ การได้ฉายผ่าน Netflix เป็นการรอคอยครั้งแรกเลยครับ. ตื่นเต้นและรอฟีดแบคของผู้ชมนะครับ เพราะว่าถ่ายทำกันอย่างสนุกสนานกับเพื่อนนักแสดงที่ร่วมงานด้วยกัน หวังว่าจะรับชมกันอย่างสนุกสนานและสบายๆนะครับ
ที่ประเทศไทยเราก็สามารถรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ทาง NETFLIX เช่นกันเลยนะคะ
มีทั้งแบบคำบรรยายภาษาไทยและพากษเสียงไทยด้วย
ขอฝากจางกียง และ Sweet and Sour ด้วยนะคะ
บทสัมภาษณ์หากมีผิดพลาดใดๆ ก็ ขออภัยด้วยค่ะ
'TH TRANS' 카테고리의 다른 글
Off-StageㅣWITH จางกียง เบื้องหลัง Youtube LIVE (0) | 2021.09.27 |
---|---|
Off-StageㅣWITH จางกียง เบื้องหลังการถ่ายทำ MRIAG (0) | 2021.07.09 |
การอ่านบทละคร My Rommate is A Gumiho (0) | 2021.03.17 |
Lancome Genifique Q&A with Kiyong (0) | 2021.03.14 |
GQ Korea October 2019 : "ไม่อยากพักน่ะครับ" นักแสดง จางกียง (0) | 2020.11.17 |